ฝึกการนำเสนอสุดยอดอย่างสตีฟจ๊อบส์

ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนครับว่าผมเองไม่ได้เป็นสาวกขั้นเทพของ Apple แต่อย่างใด ไม่ได้ครอบครองสินค้า Apple เลยซักชิ้นเดียว (อนาคตไม่แน่) อัพเดทปี 2020 ตอนนี้ผมแทบเป็นสาวก Apple โดยสมบูรณ์แบบครับ 🙂 แต่สิ่งนึงที่ผมยอมรับว่า Apple เจ๋ง คือมี สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) เป็นผู้นำที่ขยันออกสินค้าสุดเจ๋งมากมาย ออกมาไม่เว้นช่วงให้ผู้ซื้ออย่างเราๆหยุดหายใจเก็บเงินเก็บทองกันเล้ย เช่น Macbook, iPod, iPhone, iPad และอีกหลาย i ที่เค้าจะออกมาอีก

นอกจากนั้น สตีฟ จ๊อบส์ ยังเก่งการนำเสนอเป็นอย่างมาก การนำเสนอของพี่เค้าในการเปิดตัวสินค้าแต่ละครั้ง เรียกเสียงฮือฮากันไปทั่วโลก (มาถึงไทยกันเลยทีเดียวแบบสดๆทาง Facebook และ Twitter) ผู้ฟังมีความรู้สึกร่วมกันจนอยากแชร์ข่าวของ Apple ออกไปมากมายไม่ว่าจะเป็นทาง Facebook, Twitter, Blog, เว็บไซต์ของสำนักงานข่าวต่างๆ เช่น Engadget, Gizmodo หลายๆครั้งโดยทั่วไป การนำเสนอทางธุรกิจจะเป็นการให้ข้อมูล แต่การนำเสนอของ Steve Jobs จะเป็นการให้ประสบการณ์ มีการกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึก

มาเข้าเรื่องกันเลย คือผมได้อ่านหนังสือชื่อ “เก่ง Presentation อย่าง Steve Jobs” ที่แต่งโดย Carmine Gallo เค้าเป็นนักพูดการนำเสนอและได้ทำการศึกษาการนำเสนอของ Steve Jobs มานับครั้งไม่ถ้วน

เพื่อต้องการแชร์ให้ผู้อ่านบทความนี้ได้ฝึกการนำเสนอสุดยอดอย่างสตีฟจ๊อบส์ได้โดยเร็ว ผมขอสรุปหลักสำคัญสุดๆ 3 ข้อที่ Steve Jobs ใช้ทุกครั้งในการนำเสนอของเค้า คือ 1.วางแผนแบบอะนาล๊อก 2.ตอบคำถามที่สำคัญที่สุด 3.เขียนแผนที่เส้นทาง

1. วางแผนแบบอะนาล๊อก (Analog)

เริ่มต้นโดยให้คุณนำกระดาษ ปากกา/ดินสอ มาร่างไอเดียของสิ่งที่คุณจะเล่าให้คนฟัง เขียนมันลงไปครับว่าคุณจะเล่าว่าอะไรบ้าง เหมือนการเขียนบท (Script) ยังไม่ต้องไปเปิดคอมพิวเตอร์ใช้โปรแกรมโน่นนี่ให้ยุ่งยาก ยังไม่ต้องไปเปิด PowerPoint หรือ KeyNote อะไรทั้งนั้น และนี่คือที่มาของคำว่าวางแผนแบบอะนาล๊อกนั่นเอง คือไม่ใช่วางแผนแบบดิจิตอล (Digital) ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ให้คุณนึกสมมติอย่างงี้ก็ได้ครับว่า ถ้าคุณจะไปขายไอเดียให้คนฟังเนี่ย โดยไม่ต้องมี Slides ใดๆเลย คุณจะพูดว่ายังไงบ้าง

Steve Jobs เองแม้เค้าจะเป็นคนคิดค้นสินค้าเทคโนโลยีออกมามากมาย แต่เวลาเค้าจะเตรียมการนำเสนอเค้าก็เริ่มต้นการวางแผนแบบนี้ล่ะครับ มันมีข้อดีสุดๆ คือมันช่วยให้ไอเดียเรามีความกระจ่างมากขึ้น มีความสร้างสรรค์ได้มากขึ้น แล้วค่อยนำดิจิตอลมาใช้ในการนำเสนอไอเดียที่เราร่างขึ้นมานี้ในขั้นตอนสุดท้าย

บทที่เราจะร่างขึ้นมา ควรมีมีองค์ประกอบสำคัญๆเหล่านี้เพื่อให้การนำเสนอของเรานั้นยิ่งใหญ่แบบ Steve Jobs

  • คำพาดหัว (Headline): ไอเดียสำคัญที่สุดหนึ่งเดียวที่เราอยากให้ผู้ฟังจดจำได้คืออะไร? ควรสั้นๆ(น้อยกว่า 140 ตัวอักษร) จำง่าย เขียนเรียงกันประธาน-กริยา-กรรม ตัวอย่างเช่น ตอนที่เปิดตัว iPhone คำพาดหัวคือ “วันนี้แอปเปิลได้ประดิษฐ์โทรศัพท์ขึ้นมาใหม่!”
  • ไอเดียหลัก 3 ประการ: ข้อความหลัก 3 ข้อความที่คุณจะมาพูดคืออะไร? ให้เขียนรายการออกมา แล้วก็หาข้อความสนับสนุนมาขยายความไอเดียนั้นๆ
  • ใช้การเปรียบเทียบและการอุปมาอุปไมย: การอธิบายสินค้าที่เข้าใจยากอย่างเทคโนโลยีให้คนฟังเข้าใจได้ง่ายๆ สามารถใช้การเปรียบเทียบได้ผลมากๆ เช่น Intel เป็นต้นตำหรับที่เปรียบเทียบว่า “ไมโครโปรเซสเซอร์เป็นสมองของคอมพิวเตอร์” มันช่วยให้คนฟังส่วนใหญ่เข้าใจได้ในทันที
  • การสาธิต: แทนที่จะใช้แต่ Slides แห้งๆบอกประโยชน์ของสินค้า Steve Jobs นั่งลงแล้วสาธิตให้ดูเลยว่ามันทำงานยังไง แล้วสินค้าคุณล่ะสาธิตได้หรือเปล่า ถ้าได้ก็จับมันใส่ใน Script ไว้เลยครับ ผู้ฟังอยากเห็น อยากสัมผัส อยากได้รับประสบการณ์ของสินค้าของคุณครับ
  • หุ้นส่วน: Steve Jobs แบ่งเวทีการนำเสนอของเค้าให้กับหุ้นส่วน หรือพาทเนอร์ (Partners) ที่มีส่วนร่วมในธุรกิจเสมอ มันช่วยให้การนำเสนอไม่น่าเบื่อด้วยการพูดเองอยู่คนเดียวด้วย
  • หลักฐานจากลูกค้า: คำพูดหรือคำรับรองความพึงพอใจของลูกค้าเป็นข้อพิสูจน์ที่สำคัญมากที่จะช่วยในขั้นตอนการขาย ซึ่งนั่นแหละที่ควรนำมาไว้ในการนำเสนอด้วยครับ อาจจะเป็นการนำข้อความมาลง, วีดีโอที่แสดงว่าลูกค้าเห็นดียังไง หรืออาจจะเป็นการเชิญลูกค้าตัวจริงมาพูดเลยก็ยิ่งดี
  • วีดีโอคลิป: Steve Jobs แทรกวีดีโอในการนำเสนอของเค้าบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาสินค้าตัวใหม่, บรรยากาศลูกค้ากำลังเข้าคิวซื้อสินค้าและดีใจสุดๆเมื่อได้สินค้าแล้ว การแทรกวีดีโอในการนำเสนอเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ ทำให้การนำเสนอดูโดดเด่น ไม่น่าเบื่อ (วีดีโออย่ายาวไปด้วยครับ ไม่ควรเกิน 2 นาที)
  • อุปกรณ์ประกอบ: ถ้าสินค้าคุณมีตัวตน ให้พยายามนำมาแสดงครับ ให้ผู้ฟังได้เห็นได้จับต้อง มันจะช่วยให้การเล่าเรื่องราวของคุณสนุกขึ้นเยอะ อย่างตอนที่ Steve Jobs เปิดตัว Macbook Air ครั้งแรก เค้าได้จัดส่งเคสอลูมิเนียม (Unibody Aluminium) ที่แข็งแกร่งและสวยงามให้กับผู้ฟังทุกคนได้ลองสัมผัสกันด้วย ทำให้ผู้ฟังเข้าถึงสินค้าได้จริงๆ

โดยสรุปในขั้นตอนนี้ ให้คุณใช้เวลาของคุณในโลกเก่า (แบบอะนาล๊อก) ก่อนที่จะกระโดดเข้าไปในแบบดิจิตอล มันจะช่วยให้การนำเสนอของคุณน่าสนใจมากขึ้น เข้าถึงผู้ฟังได้ดีขึ้น และตรงประเด็นมากขึ้น

2.ตอบคำถามที่สำคัญที่สุด

ในการวางแผนการนำเสนอของคุณ ขอให้คุณคิดไว้ด้วยว่ามันไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องของคุณเลย!! แต่มันเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขา (ผู้ฟังนั่นเอง) เพราะผู้ฟังกำลังถามตัวเองอยู่ว่า ทำไมฉันจะต้องใส่ใจด้วย? [ลองอ่าน Start with Why ดูนะครับ จะเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังเรื่องนี้กระจ่างขึ้น]

ถ้าสินค้าคุณช่วยให้เค้าประหยัดเงิน ก็บอกไปเลยตรงๆ ถ้าสินค้าคุณช่วยทำเงินให้กับลูกค้า ก็บอกไปตามนั้น สำคัญคือบอกตั้งแต่เนิ่นๆ บ่อยๆ และบอกให้ชัดเจน อย่าให้คนฟังต้องมานั่งคิดเองครับ

และที่สำคัญเวลาเราพูดอธิบายสินค้า ให้พูดถึงประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับในมุมมองของเค้า ไม่ใช่พูดอธิบายคุณสมบัติของสินค้าแล้วต้องให้ผู้ฟังไปตีความต่อเองว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อเค้าในแง่ไหนบ้าง ยกตัวอย่างเช่น ในการเปิดตัว iPhone 3G นั้น Steve Jobs ใช้คำพาดหัวว่า “เร็วขึ้นเป็นสองเท่าในราคาถูงลงครึ่งนึง” ซึ่งเค้าไม่ได้มาอธิบายให้มันยุ่งยากว่า CPU เร็วขึ้นเท่าไหร่, RAM มากขึ้นเท่าไหร่ มันไม่จำเป็นต่อผู้ฟัง ผู้ซื้อต้องการรู้แค่ประโยชน์ที่เค้าจะได้ครับ ไม่มีใครมานั่งฟังการนำเสนอขายแผนงานที่ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าลองดู Steve Jobs ดีๆเค้าไม่ได้ขายสินค้า แต่เค้าขายอนาคตที่ดีกว่าเดิม ผู้ฟังของคุณไม่ได้ใส่ใจในสินค้าของคุณหรอก พวกเค้าใส่ใจในตัวของพวกเค้าเองต่างหาก (Guy Kawasaki อดีตพนักงานของ Apple)

3.เขียนแผนที่เส้นทาง

Steve Jobs เขียนแผนที่เส้นทางการนำเสนอของเค้าให้กับผู้ฟังโดยการพูดเกริ่นนำบอกให้รู้ล่วงหน้าว่าจะมีเรื่องอะไรที่น่าสนใจบ้าง โดยการใช้กฎกลุ่มละสาม เช่น การนำเสนอมี 3 ส่วนหลักๆ, สินค้านี้มีประโยชน์ 3 ประการด้วยกัน โดยการจัดกลุ่มเรื่องที่จะพูดออกเป็น 3-4 อย่าง มีข้อดีสำคัญ คือช่วยให้ผู้ฟังสามารถติดตามการนำเสนอของคุณได้ง่าย ช่วยให้ผู้ฟังติดตามการนำเสนอได้โดยตลอดไม่หลง โดยทั่วไปรูปแบบการนำเสนอของ Steve Jobs คือ คำพาดหัว กล่าวนำ เนื้อหาสามประเด็น สรุป

โดยสรุปของขั้นตอนที่ 3 นี้ คือ ให้คุณเขียนลิสต์รายการประเด็นหลักๆที่คุณต้องการให้ผู้ฟังรู้ในเรื่องสินค้าหรือไอเดียหลักของคุณ แล้วจัดหมวดหมู่รายการเหล่านี้ให้เป็นกลุ่มละ 3 ให้ได้ ใช้กฎกลุ่มละ 3 อธิบายแผนที่เส้นทางในการนำเสนอของคุณ แล้วเพิ่มเติมวาทศิลป์เข้าไปในแต่ละข้อความ เพิ่มสีสันในการเล่าเรื่องของคุณเอง ข้อท็จจริง ตัวอย่าง อุปมาอุปไมยเปรียบเทียบ และเสียงสนับสนุนจากบุคคลที่สาม

ก็เป็นอันครบ 3 ข้อ ที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุดในการที่เราจะฝึกการนำเสนอให้ได้สุดยอดอย่าง Steve Jobs ครับ เพื่อนๆใครมีความเห็นยังไงบ้างมาแชร์กันได้ ใครทดลองแล้วได้ยังไงมาบอกกันได้ครับ 🙂