ช่วงนี้ผมกับทีมวุ่นมากมายในการเตรียมจัดกิจกรรม Priceza Grand Sale 2014 ที่จะเปิดตัวกันวันที่ 1 กันยายน 2557 นี้ พร้อมกับเปิดตัว Priceza โฉมใหม่หมด ช่วงนี้มีสำนักข่าวเข้ามาสัมภาษณ์และขอข้อมูลประวัติที่มาที่ไปของ Priceza เลยกระตุ้นให้ผมลองย้อนกลับไปนั่ง “รำลึก” ว่าตั้งแต่จุดเริ่มที่ผมเริ่มทำธุรกิจเว็บไซต์เปรียบเทียบราคานั้น มันมีที่มาแต่ใด ลองนึกย้อนกลับไป มันเป็นปีที่ 10 พอดี ที่ผมง่วนกับธุรกิจเว็บไซต์เปรียบเทียบราคามา ผมรู้สึกเวลาผ่านไปไวมากๆ นี่เราอยู่ในธุรกิจนี้มานานขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย! ถ้าถามว่าธุรกิจ Priceza ประสบความสำเร็จหรือยัง? ผมคิดว่าก็ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากมายเมื่อเทียบกับธุรกิจยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Amazon และ Alibaba แต่สำหรับผมก็ถือว่าพอโอเคนะ One Little Baby Successes ก่อร่างขึ้นมาเป็น Bigger Successes ได้ ผมเชื่อแบบนั้น! ผมเลยลองเอาโน๊ตการเดินทางของผมกับการก่อร่างสร้างธุรกิจ Priceza มาแชร์เก็บไว้ตรงนี้หน่อยครับ การเดินทางของผมยังมีอีกยาวไกล ไว้จะมีมาเพิ่มเรื่อยๆ 😀
- ในช่วงปีพ.ศ.2548 ซึ่งเป็นช่วงต้นๆของตลาดการค้าอิเล็คทรอนิกส์ในประเทศไทย โดยมีร้านค้าออนไลน์เริ่มเปิดตัวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมตัวกันที่ตลาดกลางอย่าง TARAD.com, MarketAtHome.com (ปัจจุบันคือ WeloveShopping) รวมทั้งร้านค้าออนไลน์ของตัวเองมากมาย เช่น tohome.com เป็นต้น คุณธนาวัฒน์ มาลาบุปผา มองว่าตลาดการค้าอิเล็คทรอนิกส์ในไทยยังมีโอกาสเติบโตไปได้อีกมากหลายเท่าตัว แต่ปัญหาคือร้านค้าออนไลน์ในประเทศไทยจำนวนมากที่เกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็วและหลากหลาย ทำให้ปัญหาเริ่มเกิดกับผู้บริโภคที่ต้องใช้เวลามากขึ้นในการเลือกซื้อสินค้า และค้นหาร้านค้าที่ตรงกับความต้องการ คุณธนาวัฒน์จึงเล็งเห็นว่าประเทศไทยน่าจะมีศูนย์รวมร้านค้าต่างๆทุกร้านเหล่านี้โดยไม่แบ่งแยกค่าย เป็นศูนย์รวมให้ผู้ซื้อสามารถเข้าไปค้นหาสินค้า เช็คราคา และเลือกซื้อสินค้า จากจุดนี้ คุณธนาวัฒน์จึงชักชวนเพื่อนร่วมทีม คุณวิโรจน์ สุภาดุลย์ และ คุณวัชระ นิวาตพันธุ์ ที่เรียนจบมาด้วยกันจากคณะวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาร่วมสร้างธุรกิจจากโอกาสทางธุรกิจดังกล่าว
- ช่วงเริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 ตอนนั้นพวกเราเพิ่งเรียนจบมาทางวิศวฯคอมฯ มาจากสาย Technical กันทั้งหมด ไม่มีใครทำการตลาดและการขายเป็น เราเริ่มจากการทำงานนี้เป็นงานเสริมจากงานประจำ ทำนอกเวลา เรานัดประชุมกันทุกสัปดาห์ที่ร้านอาหาร Bug & Bee สีลม (เพราะร้านเค้าเปิด 24 ช.ม.) หรือไม่ก็ร้าน Starbucks ซอยคอนแวนท์ นัดกันทุ่มนึงคุยยาวกันไปถึงสี่ห้าทุ่ม เราตั้งชื่อเว็บไซต์ว่า Shopsanova.com (ช้อป-ซา-โน-ว่า) โดยเราจ้างเพื่อนๆมาช่วยพัฒนาระบบนี้ขึ้นมา แต่สุดท้ายเราใช้เวลาพัฒนาระบบนี้นานมาก ยาวนานเกือบ 2 ปี เพราะว่าเราคิดว่าเว็บไซต์ที่มีฟีเจอร์ยิ่งเยอะยิ่งดี(เป็นประสบการณ์ที่จำมาจนวันนี้ว่าไม่จริง บริการที่ดีต้องตอบโจทย์ที่สำคัญของผู้ใช้ แค่โจทย์เดียวก็เพียงพอ แต่ต้องเจ๋งมากๆ)
- กว่าจะเปิดตัวเว็บไซต์ได้วันแรก จำได้แม่นเลย คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2550 ช่วงเวลายาวนานเกือบ 2 ปี ทำให้พวกเราท้อไปเหมือนกันว่ามันใช้เวลายาวนานมาก ไม่สร้างรายได้อะไรให้พวกเราเลย มีแต่ทุมเวลากันลงไป แม้เว็บไซต์จะเปิดตัวไปแล้ว แต่ต่างคนตอนนั้นต่างเริ่มเรียนปริญญาโทกันต่อ ยิ่งทำให้ไม่มีเวลามาให้กับธุรกิจ ผมเอง ธนาวัฒน์ ตัดสินใจเรียนต่อทางด้านการตลาด MIM ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เหตุผลหลักอย่างหนึ่งที่สำคัญเลยเพราะผมต้องการเรียนรู้การตลาดเพื่อนำมาใช้กับธุรกิจเว็บ Shopsanova ที่เรากำลังทำกัน
- ในช่วงที่ผมเรียนปริญญาโท 2550-2552 ช่วงนั้นผมก็มีเวลาให้กับ Shopsanova น้อยลง ทั้งการทำงานประจำของที่บ้าน(ธุรกิจการ์เมนท์) และเรียนปริญญาโทที่มีงานให้ทำเยอะมาก ทำให้ Shopsanova ไม่โตอย่างที่พวกเราคิด ประกอบกับระบบเว็บไซต์มีปัญหาตลอด เว็บล่มเองตลอดเวลา ไม่สามารถให้บริการผู้ใช้ได้ต่อเนื่อง
- ปี 2552 เป็นปีที่ผมเรียนจบปริญญาโท เป็นช่วงสำคัญที่ผมกลับมานั่งทบทวนว่าจะเอายังไงกับธุริจต่อไป ผมชวนเพื่อนๆที่ร่วมทำกันมา ตัดสินใจปิดเว็บ Shopsanova และตั้งชื่อเว็บไซต์ใหม่ที่สั้นๆ จำง่ายๆ คือ Priceza.com ครั้งนี้พวกเรามีประสบการณ์แล้ว เราพัฒนาระบบกันเอง เรามุ่งสร้างสิ่งสำคัญคือระบบเปรียบเทียบราคาให้ดีที่สุด เราคุยสรุปกันเดือน กันยายน 2552 และเปิดตัวเว็บไซต์กันต้น มกราคม 2553
- สิ่งที่เราเชื่อและลงมือทำเป็นจริง ภายในปีเดียว เว็บไซต์ Priceza.com มีผู้ใช้โตขึ้นๆมากกว่าเว็บเดิมที่เราทำมาก คนใช้มากขึ้นเรื่อยๆ ร้านค้าอยากเอาสินค้ามาลงโปรโมทกับเรา และภายในปีเดียวนั้นเอง เราสามารถสร้างรายได้จนคืนทุนทั้งหมดที่เราลงแรงกันมาตั้งแต่ตอนทำ Shopsanova
- ปี 2554 เราได้รับการติดต่อจากเว็บไซต์ท่า (Portal) อันดับหนึ่งของไทยว่า “ต้องการซื้อ” บริษัทเรา พวกเราตื่นเต้นกันมาก และไม่ใช่แค่เจ้าเดียว เรายังได้รับการติดต่อจากเว็บไซต์ตลาดกลางชื่อดังต้นๆของไทยว่าต้องการ “ลงทุนซื้อหุ้น” จากบริษัทเรา พวกเราเชื่อว่าเรามาถูกทางละ พวกเรามั่นใจมากขึ้น แต่สุดท้ายเราไม่ได้ขายหุ้นไปให้ผู้สนใจรายใด เพราะเราเชื่อว่าข้อเสนอซื้อยังไม่ใช่มูลค่าที่แท้จริงของบริษัทเรา เราเชื่อว่าเราโตไปได้มากกว่านี้อีกเยอะ
- ปี 2555 คราวนี้เราได้รับการติดต่อจากบริษัทต่างชาติหลายเจ้า บริษัทสื่อยักษ์ใหญ่จากฝั่ง South Africa ที่เป็นเจ้าของบริษัทเว็บท่าชื่อดังของไทย, บริษัทสื่อสารยักษ์ใหญ่ของประเทศมาเลเซีย และบริษัทนักลงทุน (Venture Capital) อเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมัน รัสเซีย สิงค์โปร์ แต่สุดท้ายเราไม่ได้รับขอเสนอเจ้าไหนเลย เพราะดีลยังไม่เป็นที่เหมาะสมกับเรา เรามั่นใจว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงนี้ต่างชาติสนใจลงทุนกับธุรกิจในภูมิภาคนี้มาก
- ปลายปี 2555 CyberAgent Ventures (CAV) ติดต่อเข้ามาหาเรา CAV เป็นบริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่ลงทุนในธุรกิจ Internet & Ecommerce ในหลายๆประเทศ เรารู้สึกถึงความจริงจังของ CyberAgent ที่ต้องการลงทุนในบริษัทเราและร่วมโตไปด้วยกันจริงๆ กันยายน 2556 เราปิดดีลการลงทุนจาก CyberAgent Ventures ได้สำเร็จ ทาง CAV เข้ามาถือหุ้นส่วนน้อย เราอยากให้ธุรกิจของเราเป็นของคนไทยให้ได้มากที่สุด มูลค่าการลงทุนครั้งนี้เกือบ 20 ล้านบาท ถือเป็น Seed Funding ให้เราต่อยอดธุรกิจต่อไป โดย Priceza ถือเป็นบริษัทแรกที่ CyberAgent Ventures ลงทุนในประเทศไทย
- พฤษภาคม 2556 เราเปิดเว็บไซต์ Priceza.co.id ที่ประเทศอินโดนีเซีย
- กันยายน 2557 เราเปิดตัวเว็บไซต์ Priceza โฉมใหม่ และจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของ Priceza โดนเราตั้งเป้าให้ Priceza เป็นเว็บไซต์ค้นหาสินค้าและเปรียบเทียบราคา อันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกฉียงใต้
ฟู้ววววว…. ใครอ่านมาจบถึงตรงนี้ก็ขอบคุณมากครับ ลองนึกย้อนกลับไป เราเริ่มธุรกิจกับแบบเล็กๆ ไม่มี Office ไม่มีทีมงานประจำ จนเริ่มมีทีมงานคนที่ 1 เริ่มมี Office เล็กๆที่เช่าห้องจากคุณพ่อคุณแม่ผมเองที่อาคารชัยวรา จนตอนนี้เราย้าย Office มาที่ อาคารไทยศรี ติดกับ BTS ทีมงานตอนี้มี 20กว่าคน
เราเริ่มสร้างเว็บไซต์จาก “ศูนย์” เราไม่มีอะไรเลย ไม่มีคนใช้ ไม่มีลูกค้า จนตอนนี้เรามีเว็บให้บริการใน 2 ประเทศ คือประเทศไทย และอินโดนีเซีย มีตัวเลขน่าสนใจที่ดังนี้ครับ
- จำนวนคนที่เข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าบน Priceza เติบโตขึ้นเรื่อยๆจนตอนนี้เดือนละมากกว่า 4 ล้านคนต่อเดือน โดยทั้งปีนี้ 2557 คาดว่าจะมีผู้เข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าบน Priceza ทั้งปีมากกว่า 40 ล้านคน
- ปัจจุบันยอดขายรวม (Gross Merchandise Value; GMV) ของร้านค้าใน Priceza โดยประมาณเดือนละมากกว่า 100 ล้านบาท และปีนี้ 2557 คาดว่าจะทะลุยอดขายรวมทั้งปีที่มากกว่า 1,200 ล้านบาท
- Priceza.com เป็นเว็บไซต์ช้อปปิ้งที่คนไทยเข้ามากที่สุดอันดับที่ 4 ของประเทศไทย จัดอันดับโดย Truehits ศูนย์วิจัยนวัตกรรมอินเทอร์เน็ตไทย
http://shopping.truehits.net/index.php
ตัวเลขเหล่านี้ทำให้ผมตกใจเหมือนกัน ว่าธุรกิจที่เราสร้างขึ้นมา ทำให้มีเงินหมุนเวียนในการซื้อขายสินค้าได้เดือนละมากกว่า 100 ล้านบาท และทั้งปีมากกว่า 1,200 ล้านบาทเลยทีเดียว สิ่งที่เราสร้างขึ้นมามันไม่ใช่แค่ธุรกิจสำหรับเราละ ธุรกิจนี้เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เงินในประเทศไทยเกิดการหมุนเวียน เกิดการสร้างงานขึ้นมาอีกจำนวนมาก และยังเป็นธุรกิจที่เราได้นำธงชาติไทยไปปักที่ต่างประเทศด้วย!
วิสัยทัศน์ (Vision) ของธุรกิจ Priceza: พวกเรามีความเชื่อว่าในโลกยุคนี้ ข้อมูลข่าวสารคือพลัง เรามุ่งมั่นสร้างบริการที่ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้อย่างชาญฉลาดที่สุด (ให้พลังแก่ผู้ซื้อ หรือการ Empower) ไม่ว่าเค้าจะเลือกช้อปสินค้าประเภทไหน หรือกำลังตัดสินใจช้อปอยู่ที่ไหนก็ตาม
ใครจะไปคิด (พูดแบบนี้อีกแล้ว) ว่า ธุรกิจที่เราสร้างขึ้นมา จะส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้มากมายเท่านี้ ผู้ซื้อเวลาจะซื้อสินค้าก็มาเช็คและเปรียบเทียบราคาที่ Priceza ก่อน ส่วนร้านค้าใช้ Priceza เป็นช่องทางในการเข้าถึงผู้สนใจซื้อสินค้า และที่น่าสนใจไปกว่านั้น ร้านค้าใช้ Priceza เป็น Tool ในการตั้งราคาสินค้าเพื่อขายออกสู่ตลาด พวกเค้าใช้เราเป็นบรรทัดฐานครับ ว่าจะตั้งราคาเท่าไหร่ แบบไหน เจ้าของร้านหลายๆร้านเลยเล่าให้ผมฟังแบบนี้ แม้กระทั้งยักษ์ใหญ่ในวงการ Retail/Ecommerce หลายๆเจ้าบอกกับผมให้ช่วยทำระบบในการเปรียบเทียบสินค้าในตลาดให้หน่อย แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีเวลาทำให้ เพราะเรายังโฟกัสในการตอบความต้องการฝั่งผู้ซื้อเป็นหลักก่อน
ผมเชื่อว่า Priceza จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร้านค้าทำการตั้งราคาและนำเสนอโปรโมชั่นที่มีดีให้กับผู้บริโภค(ผู้ซื้อ) เรากำลังสร้างระบบนิเวศน์ที่ผู้ซื้อมีพลังของข้อมูลอยู่ในมือ ไม่สามารถถูกผู้ขายเอาเปรียบเทียบได้ สิ่งที่เราได้ยินร้านค้า Retailers โปรโมทๆกันว่า เราการันตีราคาถูกที่สุดนั้น Priceza จะเป็นคน “การันตี” ได้ ว่าจริงๆแล้วเค้าขายราคาดี โปรโมชั่นดีจริงๆไหม หรือแค่คำชวนเชื่อ เราจะยังคงมุ่งมั่นสร้างระบบนิเวศน์นี้ต่อไปให้แข็งแกร่ง และเอาธงชาติไทยไปปักใน 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครับ!