Amazon ครองตลาด 49% ของ US Retail Ecommerce
ผู้บริโภคชอบบริการของ Amazon เพราะ Amazon แทบจะเป็นบริษัทที่โฟกัสอันดับหนึ่งที่ผู้บริโภคมาก่อนใคร (Customer Centric มากๆ)
ร้านค้าและแบรนด์ ยังไงเมื่อลูกค้าอยู่ในมือ ก็ถูกกดดันให้เข้าไปขายใน Amazon Marketplace อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าไม่เข้ามาก็ถือว่าพลาดโอกาสขายมหาศาล เพราะทุกๆ 2 คำสั่งซื้อออนไน์ใน US หนึ่งในนั้นคือซื้อจาก Amazon
สถานการณ์แบบนี้ ดีกับตลาดค้าปลีกไหม? ในระยะยาวแล้ว ดูท่า Amazon จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนบริษัทวิจัยบอกว่า Jeff Bezos มีโอกาสเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
อะไรจะเกิดขึ้น ถ้า Amazon ครองตลาด 80% ของ US Retail Ecommerce ล่ะ!? วันนั้นคือวันที่เกิดการครองตลาดแทบจะโดยสมบูรณ์
ช่วงแรกๆผู้บริโภคอาจจะไม่รู้สึกอะไร เพราะก็ชอบช้อปปิ้งซื้อของราคาดีๆและจาก Amazon เจ้าเดียว หาอะไรก็เจอ แล้วซื้อได้เลย
แต่ในอีกแง่นึง คือตลาดมีการผูกขาดแทบจะโดยสิ้นเชิง
ตลาดค้าปลีกแบบนี้มีสุขภาพดีไหม? หลักเศรษฐศาสตร์มีบอกไว้แล้วว่าสมดุลย์ตลาดที่ดีคือตลาดที่สร้างให้เกิดการแข่งขันโดยสมบูรณ์ (Perfect Competition)
เพราะฉะนั้นในหลายประเทศเลยต้องมีอำนาจในการกำกับดูแลให้ตลาดไม่เกิดการผูกขาด (Antitrust Law) เพื่อให้รัฐมีอำนาจในการกำกับดูแลให้เกิดการแข่งขันที่สมบูรณ์
อนาคตของ Ecommerce ประเทศไทยจะเป็นยังไง? จะเป็นตลาดที่มีรายใหญ่ผูกขาดไหม?
ผมคิดว่ามีโอกาส แต่สถานการณ์ตอนนี้ยังดีที่มีการแข่งขันกันสูงระหว่าง E-Marketplace รายใหญ่ทั้งสามราย
แต่ถ้ารัฐฯติดตามไม่ทัน หรือไม่รู้ความเป็นไปตลาด ถึงวันที่ตลาดผูกขาดไปแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ดังเช่นที่เกิดแล้วในอุตสาหกรรมโรงแรมที่ผูกขาดโดย Online Hotel Booking ต่างชาติ ที่รัฐพยายามบังคับให้ลดค่าคอมมิชชั้นลง แต่ก็ไม่มีผล
แล้วผมในฐานะนายกสมาคม Thai Ecommerce เริ่มทำอะไรบ้าง? หนึ่งในภารกิจคือการผลักดันให้เกิดการแข่งขันโดยเท่าเทียมและสมบูรณ์ที่สุด
อังคารหน้า 24 ก.ค. เวลา 14.00 น. สมาคม Thai Ecommerce จะจัดงานแถลงข่าวที่ Royal Paragon Hall ขอเรียนเชิญนักข่าวทุกท่านมาช่วยเมนท์นะครับ 🙏
ผมจะส่งหมายเชิญให้ทุกท่าน เป็นการเปิดตัวทีมงานสมาคมฯ และทิศทางสมาคมต่อไปครับ! 😃
ที่มาข่าว:
https://retail.emarketer.com/article/amazon-now-has-nearly-50-of-us-ecommerce-market/