ภาษาอังกฤษในยุคนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเอามากๆครับ เป็นตัวแบ่งคนกลุ่มคนที่มีโอกาสเติบโตไปประสบความสำเร็จได้มาก กับอีกกลุ่มที่ตันไม่สามารถไปไหนต่อได้ไกล และยิ่งทุกวันนี้ที่โลกเราแคบมากขึ้น AEC กำลังจะเปิด คนต่างชาติไหลเข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น มาแข่งกับคนไทยในการหางาน โดยที่เค้าสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีกว่าคนไทย ถ้าเราไม่เริ่มปรับตัวพัฒนาตัวเองให้ใช้ภาษาอังกฤษได้เก่งในวันนี้ก็ถือว่า “เราสายไปมากแล้วครับ”
ผมอยากสรุปแนวคิดสั้นๆ กลั่นเอาจากประสบการณ์ที่ผมเรียนภาษาอังกฤษมาเนิ่นนาน (คนไทยเรียนภาษาอังกฤษกันนานไปไหม?) และจากการที่ได้นำมาใช้ในการทำงานหลายปี อยากให้สามารถนำไปปฏิบัติได้เลยทันที (แบบ Cookbook ตำราอาหาร) ไม่ต้องไปศึกษาตำราอะไรเยอะแยะ สำคัญคือคุณต้องลงมือทำ ทำ ทำ และทำ ฝึก ฝึก และฝึกครับ
ออกตัว: ผมไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษอะไรมากมาย สำเนียงไม่ได้ดีแบบคนต่างชาติ พูดผิดแกรมม่าประจำ 555 แต่ก็หน้าด้านพูดๆไปเถอะ เค้าเข้าใจเรา เราเข้าใจเค้าก็เป็นอันจบครับ ภาษาอังกฤษผมก็ถือว่าพอใช้ ทุกวันนี้ผมใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานทุกวันเลย เนื่องจากว่าต้องคุยกับลูกค้าที่เป็นคนต่างชาติ คุยกับลูกน้องที่เป็นคนต่างชาติ(คนอินโดนีเซีย)ทุกวัน คุยกับทีมงานที่บริษัทว่าจ้างซึ่งเป็นคนฝรั่งเศส เดินทางไปสิงค์โปร์ อินโดนีเซีย ฮ่องกง และก็ใช้ภาษาอังกฤษในการทำงาน เจรจางานทั้งนั้น
สิ่งที่ผมจะเน้นให้ฝึกจะอยู่ในรูปของการนำไปใช้ทั้ง 4 ด้าน: ฟัง, พูด, อ่าน, เขียน มาเริ่มกันว่ามีวิธีอะไรกันบ้าง
- ตั้งเป้าหมายให้ตัวเองก่อนครับ ว่าถ้าเราเก่งภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน: ฟัง, พูด, อ่าน, เขียน ได้อย่างช่ำชอง มันจะเปิดโอกาสดีๆอะไรให้เราได้บ้าง แล้วเราอยากได้อะไร เช่น เราจะได้เลื่อนขั้น, เราจะสามารถสร้างรายได้ได้มากขึ้นหลายเท่า, เราจะสามารถเรียนต่อต่างประเทศได้, เราจะสามารถไปชิงทุนเรียนต่อได้ฟรี ให้เลือกเป้าหมายของคุณให้มั่นครับ ถ้าเป้าหมายของคุณไม่ใหญ่พอ คุณจะไม่มีแรงขับให้ฝึกการใช้จนสำเร็จ และใรทุกขณะที่คุณฝึกฝน เวลาคุณเหนื่อย ให้เอาภาพเป้าหมายของคุณมาเป็นแรงขับเคลื่อนครับ
- ดูหนังต่างประเทศโดยเปิดเสียงแบบ Soundtrack และไม่เปิด Sub Title: เมื่อเราเปิด Sub Title สมองเราจะไปเน้นที่การอ่าน อ่าน และอ่าน ตาก็ดูไปเรื่อยๆ สมองเราจะไม่ไปโฟกัสกับการฟัง วิธีการฝึกคือให้เน้นพยายามตั้งใจฟัง ลองบอกตัวเองว่าเราจะตั้งใจฟัง 100% ลองดูซักตั้ง เทคนิคคือหาหนังหรือซีรีย์ที่เราชอบเป็นตัวดึงดูให้เราสนใจที่จะฝึก ผมชอบซีรีย์ Friends เป็น Comedy ตลกดี ฟังง่าย หรือใครจะลองเริ่มจากหนัง Animation/Cartoon ก็ได้ครับ อยากให้ฝึกฟังๆๆ ดูๆๆๆ ไปเรื่อยๆทุกวันๆๆๆ คุณจะ “ชิน” กับสำเนียง อ้ออีกอย่าง ถ้าให้ดี ให้ใช้หูฟังอันใหญ่ที่มันครอบหูเรานะครับ จะช่วยให้เราได้ยินเสียงชัดแจ๋วมากขึ้นเยอะเลย และช่วยให้เรามีสมาธิมากขึ้นในการฟังด้วย
- เดี๋ยวนี้มี Podcast ฟรีๆดีๆให้ฟังเยอะแยะไปหมดเลย ให้ดาวน์โหลด Podcast ที่เราสนใจมาเปิดฟังเวลาว่าง เก็บมันไว้ในมือถือ เวลาเดินทางรถติดๆก็ฟังๆๆๆมันเข้าไปครับ
- เวลาดูหนังหรือขณะฟังไป ถ้าเจอคำไหนที่เราไม่คุ้นเคย ให้ฝึกพูดตามไปด้วย พยายามพูดให้ออกเสียงเหมือนกับที่เราฟังมากที่สุด พูดซ้ำๆๆๆ กับตัวเองซักอย่างน้อย 5 ครั้ง เพื่อให้มองเราบันทึกการออกเสียงที่ถูกต้องนั้นไว้
- ท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษครับ แน่นอน ถ้าเราไม่มีคำศัพท์ที่เราเข้าใจอยู่มากพอ เราก็ไม่มีอาวุธที่เราจะนำไปเรียงร้อยออกมาเป็นการพูด หรือการเขียนได้ และรวมทั้งช่วยให้เราฟังได้เข้าใจมากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น มันไม่มีวิธีลัดครับท่านผู้ชม วิธีเดียวที่คุณจะเก่งได้ก็คือการท่องๆๆๆๆ คุณต้องรู้จักศัพท์พื้นฐานที่จำเป็นให้หมด จำมันให้ได้ ผมใช้วิธีการท่องศัพท์ภาษาอังกฤษ 5,000 คำที่ผมไปเรียนมาจาก อ.ดร.บุญชัย โกศลธนากุล เค้าเตรียมไว้ให้หนาปึกพร้อม CD เอาไว้ฟังช่วยท่องจำด้วย ผมจำได้ไม่หมดหรอกนะครับ แต่ก็จำได้เยอะเหมือนกัน ช่วยได้มากเลย หรือถ้าอีกวิธีผมแนะนำให้ลองไปท่องศัพท์จากหนังสือเก่งภาษา 50 ล้าน ของคุณบัณฑิต อึ้งรังษี ครับ เค้าคัดศัพท์ที่ใช้บ่่อยๆไว้ให้แล้วในหนังสือของเค้าครับ เทคนิคคือ คนไทยชอบฝึกท่องจาก อังกฤษ แล้วคำแปลไทยคืออะไร (ENG > TH) แต่ผมอยากให้ฝึกตรงกันข้าม คือฝึกคำภาษาไทย แล้วภาษาอังกฤษคืออะไร (TH > ENG) เพราะว่ามันจะช่วยให้คุณคิดศัพท์ออกเวลาคุณจะใช้ในการพูดและเขียน ซึ่งยากกว่าการอ่านภาษาอังกฤษแล้วตีความเป็นไทย
- สร้างโอกาสให้ตัวเราเอง ให้เราได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันทุกวัน เช่น ไปคุยกับเพื่อนร่วมงานที่เป็นคนต่างชาติทุกวัน(เช่น ชวนไปกินข้าวที่ยงกันบ่อยๆจะได้ฝึกพูดทุกวัน), หาแฟนเป็นคนต่างชาติ(วิธีนี้จะได้คุยกันทุกวันเบยย), หาเจ้านายที่เป็นคนต่างชาติ, สุดท้ายถ้าหาไม่ได้จริงๆ ฝึกพูดคุยกับตัวเองทุกวันเป็นภาษาอังกฤษ วิธีหลังสุดนี้ต้องอาศัยว่าให้เราลองคุยกับตัวเอง เล่าว่าเอ๊ะวันๆนึงเราทำอะไรมาบ้าง มีอะไรดีๆเกิดขึ้นบ้างในวันนี้ คุยๆๆๆไปเรื่อยๆ วิธีนี้ได้มาจาก อ.ดร.บุญชัย โกศลธนากุล ครับ
- เปลี่ยนทัศนคติให้กล้าแสดงออก พูดๆไปเหอะ ไม่ต้องกลัวว่าจะสำเนียงจะเห่ย สำคัญคือแค่ให้เราออกเสียงให้ถูกต้อง(จากการฝึกฟังเยอะๆ) และคู่สนทนาเข้าใจเราเป้นอันใช้ได้ครับ ผมเห็นคนไทยส่วนใหญ่จะกล้าๆกลัวๆ กลัวว่าพูดไปแล้วเค้าจะไม่เข้าใจ พูดไปแล้วสำเนียงเรามันไท้ไทย เค้าจะฟังรู้เรื่องไหม อย่าไปอายครับ กล้าพูดออกไป เค้าสิต้องพยายามฟังเราให้เข้าใจด้วย ลองนึกเวลาคุณไปคุยกับคนญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษสิครับ เค้าก็พูดสำเนียงญี่ปุ่น ไม่เห็นต้องมาพยายามพูดให้สำเนียง American อะไรเลย สำคัญคือนำมาใช้สื่อสารได้ก้โอเคแล้วครับ
- อ่านบทความภาษาอังกฤษเยอะๆ เดี๋ยวนี้ง่าย เราเล่น Internet ทุกวัน ให้หาเว็บบทความที่เป็นภาษาอังกฤษที่เราชอบแล้วก็ตามอ่านทุกวันครับ จะช่วยให้เราเข้าใจว่าเจ้าของภาษาเค้าเอาคำศัพท์มาเรียงร้อยเป็นประโยคยังไง จะช่วยให้เราค่อยๆซึมซับ Grammar ไปเรื่อยๆครับ อย่างผมชอบเทคโนโลยี ผมก็จะชอบตามอ่านบล๊อตข่าวอัพเดท เช่น Engadget, The VERGE, etc. เต็มไปหมด โดยใส่มันเข้าไปที่ Feedly เพื่อช่วยให้ผมติดตมอ่านข่าวใหม่ๆด้มุกวันในทุกๆอุปกรณ์ทั้ง Computer, Mobile, Tablet (ไว้ว่างไจะมาแนะนำ Feedly อีกที)
ขอสรุปไว้ที่ 8 ข้อเท่านี้ครับ ผมมั่นใจว่าถ้าคุณฝึกๆๆๆๆ 8 ข้อนี้ไปเรื่อยๆ ในระยะเวลา 1 ปี คุณจะใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันได้ และใช้ในการทำงานได้ โอกาสต่างๆจะเปิดเข้าหาคุณ เพราะคุณสร้างมันขึ้นมาแล้วจากการลงมือทำของคุณทุกๆวันครับ 🙂
ผมขอขอบคุณอาจารย์และสภาบันผู้ประสิทธิ์ประศาสตร์ความรู้การใช้ภาษาอังกฤษให้ผมดังนี้ครับ
- สถาบัน Fast English ของ อ.ดร.บุญชัย โกศลธนากุล
- โครงการปริญญาโท MIM มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- Stanford-Thai Exchange Program
- สถาบัน AUA
- ครูบาอาจารย์ภาษาอังกฤษทุกท่านที่สอนผมตั้งแต่ อนุบาล ประถม มัธยม มหาวิทยาลัย ขอบพระคุณมากครับ