#อ่านจบแล้ว The Psychology of Money จิตวิทยาว่าด้วยเงิน

สมมติฐานของหนังสือเล่มนี้คือ การจัดการเงินได้ดีนั้นไม่เกี่ยวกันว่าคุณฉลาดแค่ไหน แต่เกี่ยวข้องอย่างมากกับพฤติกรรมของคุณ และพฤติกรรมนั้นก็เป็นเรื่องยากที่จะสอน แม้แต่กับคนที่ฉลาดที่สุดก็ตาม

วิชาการเงินนั้นถูกสอนอย่างล้นหลามภายใต้สาขาวิชาคณิตศาสตร์ ที่ซึ่งคุณสามารถใส่ข้อมูลลงไปในสูตรการคำนวณและสูตรนั้นจะบอกคุณว่าคุณควรจะทำอะไร และมันก็สันนิษฐานว่าคุณจะลงมือทำไปตามนั้น แต่การที่คุณรู้ว่าคุณต้องทำอะไรนั้น ไม่ได้บอกว่าคุณเลยว่า มีอะไรเกิดขึ้นในหัวคุณในเวลาที่คุณกำลังพยายามที่จะทำมัน

พวกเราถูกสอนเรื่องเงินมาในรูปแบบที่เหมือนกับวิชาฟิสิกส์มากเกินไป (ด้วยกฎและข้อบังคับ) และไม่เพียงพอในด้านจิตวิทยา (ด้วยอารมณ์และการรับรู้) สำหรับผมแล้วมันเป็นสิ่งที่สำคัญพอๆกัน

ไม่มีใครเป็นคนบ้า

  • คุณ ผม และทุกๆคนต่างใช้ชีวิตที่ผูกติดอยู่กับมุมมองเรื่องการทำงานของเงินอันแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละบุคคล สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องบ้าสำหรับคุณอาจเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลสำหรับผม
  • ประสบการณ์ส่วนตัวในเรื่องเงินของคุณอาจเป็นเพียง 0.00000001% ของสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกขึ้น แต่มันเป็น 80% ของสิ่งที่คุณคิดว่าโลกนี้นั้นเป็นอยู่ ดังนั้นผู้คนที่มีความฉลาดพอๆกันจึงสามารถเห็นต่างในเรื่องของสาเหตุและสิ่งที่ทำให้เกิดการถดถอยทางเศรษฐกิจ วิธีการที่คุณควรนำเงินของคุณไปลงทุน สิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คุณควรรับความเสี่ยงมากแค่ไหน และอื่นๆ
  • การศึกษาอดีตนั้นทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับว่าคุณเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่คุณจะไม่เข้าใจมันเพียงพอที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของคุณได้จนกว่าคุณจะใช้ชีวิตผ่านมันและรับรู้ถึงผลที่ตามมาด้วยตัวของคุณเอง

โชคและความเสี่ยง

  • เวลาที่ตัดสินคนอื่นโดยให้เหตุผลว่าพวกเขาสำเร็จเพราะโชคช่วยนั้นทำให้คุณดูเป็นคนขี้อิจฉาและใจแคบ ถึงแม้ว่าเราจะรู้อยู่เต็มอกว่ามันมีอยู่จริงก็ตาม และในเวลาที่คุณตัดสินตัวเอง การจะบอกว่าคุณประสบความสำเร็จเพราะโชคช่วยนั้นก็อาจเป็นเรื่องยากเกินกว่าจะรับได้

ไม่เคยพอ

  • มีหลายกรณีที่คนที่มีเงินล้นฟ้า มีความมั่งคั่งระดับร้อยล้านดอลลาร์ยังอยากมีเงินมากขึ้นไปอีกจนพวกเขายอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อที่จะหาเงินได้มากขึ้น และสุดท้ายก็ตกเหวจนแทบล้มละลาย หรือได้รับความเสื่อมเสียจากการทำสิ่งที่ผิดจนแทบเสียชื่อเสียง
  • ทักษะทางการเงินที่ยากที่สุดคือการทำให้เป้าหมายหยุดเคลื่อนที่
  • การเปรียบเทียบทางสังคมคือปัญหา เพดานของการเปรียบเทียบทางสังคมนั้นสูงมากเสียจนแทบจะไม่มีใครเคยทำได้เลย ซึ่งนั่นหมายความว่ามันเป็นสงครามที่ไม่มีวันชนะ หรือหาทางเดียวที่จะชนะได้คือการไม่ลงสนามไปต่อสู้ โดยการเริ่มต้นจากการยอมรับว่าคุณอาจมีพอแล้ว
  • มีหลายสิ่งที่ไม่ควรค่าแก่การเสี่ยง ไม่ว่ามันจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มากแค่ไหน

การทบต้น

  • ในจำนวน 84,500 ล้านเหรียญของมูลค่าความมั่งคั่งสุทธิของ Warren Buffet มี 81,500 ล้านเหรียญที่ได้มาหลังจากวันเกิดปีที่ 65 ของเขา
  • ความสำเร็จทางการเงินทั้งหมดของ Warren Buffet นั้นสามารถเชื่อมโยงได้กับพื้นฐานทางการเงินที่เขาสร้างขึ้นในวัยหนุ่ม และการยืนระยะที่เขาคงเอาไว้ในช่วงวัยชรา
  • ทักษะของเขาคือการลงทุน แต่ทว่าความลับของเขาคือกาลเวลา
  • นั่นคือวิธีการทำงานของการทบต้น
  • การลงทุนที่ดีนั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องการได้รับผลตอบแทนสูงที่สุด เนื่องจากผลตอบแทนที่ดีที่สุดมักจะเป็นการได้มาครั้งเดียวและไม่สามารถทำซ้ำได้ มันเป็นเรื่องของการได้รับผลตอบแทนค่อนข้างดีที่คุณสามารถยึดติดกับมัน และทำต่อไปได้เป็นระยะเวลานาน นั่นเป็นช่วงเวลาที่การทบต้นทำงานอย่างบ้าคลั่ง

ได้มาซึ่งความมั่งคั่ง กับรักษาไว้ซึ่งความมั่งคั่ง

  • การได้มาซึ่งความมั่งคั่งเป็นเรื่องหนึ่ง การรักษาไว้ซึ่งความมั่งคั่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
  • การหาเงินมาได้นั้นต้องใช้การแบกรับความเสี่ยง การเป็นคนมองโลกในแง่ดี และการเอาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ถูกต้อง
  • แต่การรักษาเงินนั้นต้องใช้ทักษะด้านตรงข้ามกับการยอมรับความเสี่ยง มันต้องใช้การอ่อนน้อมถ่อมตนและความหวาดกลัวว่าสิ่งที่คุณสร้างขึ้นมานั้นสามารถถูกพรากไปจากคุณได้รวดเร็วพอๆกับตอนที่คุณได้มันมา มันต้องใช้ความตระหนี่และการยอมรับว่าอย่างน้อยก็มีบางส่วนที่คุณสร้างขึ้นมาได้นั้นมาจากโชค ดังนั้นจึงไม่อาจปักใจได้ว่าความสำเร็จในอดีตนั้นจะทำซ้ำได้อย่างไม่จำกัด
  • สิ่งที่ฉันต้องการมากกว่าผลตอบแทนจำนวนมากก็คือ ฉันต้องการเป็นคนที่ฆ่าไม่ตายทางการเงิน และถ้าฉันฆ่าไม่ตาย ฉันคิดว่าฉันจะได้รับผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เนื่องจากฉันสามารถยืนระยะได้นานพอที่การทบต้นจะทำงานได้อย่างน่าอัศจรรย์
  • แผนที่ดีนั้นไม่เสแสร้งว่าถ้าเป้าหมายไม่เกิดขึ้นจริง เมื่อ Worst Case เกิดขึ้นแล้ว เรายังไม่ตาย เช่น ถ้าคุณวางแผนการลงทุนที่เป้าหมายผลตอบแทนจากตลาด 8% ต่อปี ตลอด 30 ปีข้างหน้า แต่หากมันทำได้แค่ 4% ต่อปี คุณก็ยังโอเคอยู่ แผนนี้เป็นแผนที่ดีกว่า เพราะคุณเผื่อให้มีพื้นที่สำหรับความผิดพลาดเอาไว้

Long Tail

  • มีบางสายงานที่คุณจำเป็นจะต้องทำให้สมบูรณ์แบบในทุกๆครั้ง เช่น การขับเครื่องบิน และมันก็ยังมีบางสายอาชีพที่อย่างน้อยคุณอยากจะทำได้ค่อนข้างดีเกือบจะทุกครั้ง เช่น เชฟภัตตาคาร แต่การลงทุน ธุรกิจ และการเงินนั้นไม่ได้เป็นเหมือนสายงานเหล่านั้น
  • ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ มาจากไอเดียที่น่าหวาดกลัวในตอนแรก แต่มันทำให้ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลมหึมาได้ เช่น ตอนที่ Amazon มาทำธุรกิจ AWS สำหรับคนทำธุรกิจ ถ้าทำอะไรก็ประสบความสำเร็จไปทั้งหมด แปลว่าเรายังเสี่ยงไม่พอ เป็นแนวคิดของ รี้ด ฮาสติงส์ CEO Netflix
  • ครั้งหนึ่ง จาร์จ โซรอส เคยพูดว่า “การที่คุณทำถูกหรือทำผิดนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่มันสำคัญตรงที่คุณทำเงินได้มากแค่ไหนในเวลาที่คุณถูก และคุณสูญเสียเงินไปมากแค่ไหนในเวลาที่คุณผิด” คุณสามารถทำผิดได้ครึ่งหนึ่งและยังรักษาความมั่งคั่งเอาไว้ได้

อิสรภาพ

  • จุดสูงสุดของรูปแบบความมั่งคั่งก็คือ ความสามารถในการตื่นมาทุกๆเช้าและพูดว่า “วันนี้ฉันสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ฉันต้องการ”
  • การรู้สึกอย่างหนักแน่นว่าเราสามารถควบคุมชีวิตตัวเราเองได้นั้น เป็นตัวทำนายความรู้สึกเชิงบวกในการมีชีวิตที่ดี มากกว่าเงื่อนไขใดๆที่พวกเรานำมาพิจารณา มากกว่าเงินเดือนของคุณ มากกว่าขนาดบ้านของคุณ มากกว่าเกียรติยศในงานของคุณ การมีความสามารถในการควบคุมสิ่งที่คุณต้องการจะทำ ในเวลาที่คุณต้องการ กับผู้คนที่คุณต้องการนั้นเป็นตัวแปรที่กว้างที่สุดในการดำเนินชีวิตที่ทำให้ผู้คนมีความสุข
  • คุณค่าที่แท้จริงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเงินคือศักยภาพในการมอบการควบคุมเวลาให้กับคุณ

มีตัวคุณเองเท่านั้นที่หลงใหลในสิ่งที่คุณครอบครอง

  • ความย้อนแย้งก็คือผู้คนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะต้องการความมั่งคั่งเพื่อส่งสัญญาณบอกให้คนอื่นรู้ว่าเขาผู้นั้นควรได้รับการยกย่องเชิดชู แต่แท้จริงแล้วคนอื่นมักจะมองข้ามสิ่งเหล่านี้ในตัวคุณไป ไม่ใช่เพราะพวกเขาคิดว่าความมั่งคั่งไม่น่าชื่นชม แต่เป็นเพราะว่าพวกเขาใช้ความมั่งคั่งของคุณเป็นตัวชี้วัดความต้องการที่จะได้รับการยกย่องและเชิดชูของตัวพวกเขาเอง

ความมั่งคั่งคือสิ่งที่คุณมองไม่เห็น

  • เรามีแนวโน้มที่จะตัดสินความมั่งคั่งจากสิ่งที่เราเห็น เพราะว่ามันคือสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความมั่งคั่งคือสิ่งที่คุณมองไม่เห็น ความมั่งคั่งคือสินทรัพย์ทางการเงินที่ยังไม่ได้ถูกแปรสภาพไปเป็นสิ่งของที่คุณเห็น
  • หนทางสู่ความรวยนั้นคือการใช้เงินที่คุณมี และไม่ใช้เงินที่คุณไม่มี
  • ความร่ำรวย คือสถานะรายได้ในปัจจุบัน
  • ความมั่งคั่ง คือรายรับที่ไม่ได้ถูกจ่ายออกไป คือทางเลือกที่ยังไม่ได้ถูกนำไปซื้ออะไร คุณค่าของมันอยู่ที่การทำให้คุณมีทางเลือก มีความยืดหยุ่น และงอกเงยเพียงพอที่จะทำให้คุณสามารถซื้อของได้มากกว่าในวันนี้
  • โลกเต็มไปด้วยผู้คนที่ดูสมถะแต่แท้จริงแล้วมั่งคั่ง และเต็มไปด้วยผู้คนที่ดูร่ำรวยแต่อยู่บนคมดาบแห่งความล้มละลาย จงจำสิ่งนี้ให้ขึ้นใจเวลาที่คุณกำลังตัดสินความสำเร็จของผู้อื่นและตั้งเป้าหมายของตัวคุณเอง

การออม

  • ผลตอบแทนจากการลงทุนสามารถทำให้คุณรวบได้ แต่กลยุทธ์ในการลงทุนนั้นจะได้ผลนานแค่ไหน และตลาดจะให้ความร่วมมือหรือไม่นั้นก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน
  • การออมและความมัธยัสถ์ส่วนบุคคลเป็นส่วนหนึ่งของสมการที่คุณสามารถควบคุมได้มากกว่าและมันมีโอกาสที่จะส่งผลต่อคุณในอนาคต 100%
  • ความมั่งคั่งนั้นเป็นเพียงแค่การสะสมของเงินที่เหลืออยู่หลังจากคุณใช้จ่าย คุณสามารถสร้างความมั่งคั่งได้โดยที่ไม่ต้องมีรายได้สูง แต่คุณจะสร้างความมั่งคั่งไม่ได้เลยถ้าคุณมีอัตราการออมที่ต่ำ
  • เมื่อคุณผ่านรายได้ระดับหนึ่งไปแล้ว สิ่งที่คุณต้องการก็คือสิ่งที่อยู่ใต้อัตตาของคุณ
  • หนึ่งในวิธีอันทรงพลังที่สุดในการเพิ่มเงินออมนั้นไม่ใช่การเพิ่มรายได้ แต่มันคือการเพิ่มความอ่อนน้อมถ่อมตน
  • การเก็บออมสามารถทำได้ด้วยการใช้จ่ายให้น้อยลง
  • คุณจะใช้จ่ายน้อยลงได้หากคุณมีกิเลสลดลง
  • กิเลสของคุณจะลดลงถ้าคุณสนใจสิ่งที่คนอื่นๆคิดกับคุณน้อยลง
  • ดังนั้นเรื่องของเงินนั้นเป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับเรื่องของจิตวิทยามากกว่าเงิน
  • การมีความสามารถในการควบคุมเวลาและทางเลือกของคุณเองนั้นกำลังกลายเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่มีค่ามากที่สุดในโลก และนี่คือเหตุผลที่ตอกย้ำว่าทำไมคนเราจึงต้องเก็บออม

สมเหตุสมผล > ยึดเหตุผล

  • การเงินเชิงวิชาการนั้นทุ่มเทให้กับการค้นหาสูตรคณิตศาสตร์เพื่อกลยุทธ์การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด แต่สำหรับทฤษฎีส่วนตัวของผมในโลกแห่งความเป็นจริง ผู้คนไม่ต้องการกลยุทธ์ที่เหมาะสมทางคณิตศาสตร์ พวกเขาต้องการกลยุทธ์ที่ทำให้เขานอนหลับสนิทตลอดคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Surprise

  • สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนั้นเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
  • กับดักที่นักลงทุนส่วนมากตกหลุมนั้นคือสิ่งที่ผมเรียกว่า ตรรกะวิบัติที่คิดเอาเองว่า “นักประวัติศาสตร์คือนักพยากรณ์” ความเข้าใจผิดนี้คือความเชื่อว่าข้อมูลในอดีตนั้นเป็นสัญญาณของเงื่อนไขในอนาคต
  • การลงทุนไม่ใช่วิทยาศาสต์ที่อ้างอิงกฎเกณฑ์และหลักการ ทว่ามันคือฝูงชนกลุ่มใหญ่ที่กำลังตัดสินใจอย่างไม่สมบูรณ์แบบบนข้อมูลอันจำกัดในเรื่องของสิ่งที่กำลังจะสร้างผลกระทบกับความเป็นอยู่ของพวกเขาอย่างมหาศาล
  • โลกนี้มีเรื่องให้เราประหลาดใจอยู่เสมอ และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราไม่ควรใช้เรื่องไม่คาดฝันในอดีตมาเป็นตัวชี้นำขอบเขตในอนาคต เราไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้

เผื่อให้กับความผิดพลาด

  • พื้นที่เผื่อความผิดพลาดนั้นช่วยให้คุณอดทนต่อผลลัพธ์ที่หลากหลายและความอดทนนั้นช่วยให้คุณอยู่ในเกมได้นานพอ
  • ผู้ที่มีพื้นที่เผื่อความผิดพลาด (Margin of Safety) เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ของพวกเขา (เงินสด) เพื่อให้อดทนต่อสถานการณ์ยากลำบากในอีกที่ (หุ้น) จะได้เปรียบมากกว่าผู้ที่ถูกขจัดออกไปจากเกม
  • วิธีที่ดีที่สุดในการบรรลุความสุขคือการตั้งเป้าหมายให้ต่ำ

ไม่มีอะไรได้มาฟรี

  • คุณคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ถือหุ้นในระยะยาว” นั่นเป็นคำแนะนำที่ดี
  • แต่คุณรู้ไหมว่าการรักษาทักษะของการมองแนวโน้มระยะยาวเอาไว้นั้นยากแค่ไหนในเวลาที่หุ้นกำลังพังทลายลงมา?
  • การลงทุนที่ประสบความสำเร็จนั้นมีราคาที่ต้องจ่าย มันคือความผันผวน ความกลัว ความลังเลสงสัย ความไม่แน่นอน และความเสียใจ สิ่งเหล่านี้ถูกมองข้ามไปอย่างง่ายดายจนกว่าคุณจะได้รับมือกับพวกมันในเวลาที่คุณได้เจอกับมันจริงๆ
  • ทำไมคนจำนวนมากยินดีจ่ายเงินเพื่อซื้อรถ บ้าน อาหาร และช่วงเวลาพักผ่อน กลับพยายามอย่างมากที่จะหลีกเลี่ยงการจ่ายให้กับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี
  • คำตอบนั้นเรียบง่ายมาก นั่นก็คือ ราคาของความสำเร็จในการลงทุนนั้นไม่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนในทันที มันไม่มีป้ายราคาแปะไว้ให้คุณมองเห็น ดังนั้นเมื่อต้องชำระบิล มันจึงไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นการจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อให้ได้ของดีมาครอบครัง แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นการโดนค่าปรับจากความผิดพลาดบางอย่างที่คุณทำ

คุณและผม

  • หนึ่งในสาเหตุที่ฟองสบู่ทางการเงินเกิดขึ้น นั่นคือนักลงทุนมักจะรับฟังคำชี้นำจากนักลงทุนคนอื่นๆอย่างไร้เดียงสา และพวกเขาก็ไม่ได้เล่นเกมเดียวกับคุณ
  • นักลงทุนแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน และไม่มีใครที่บ้า แต่ละคนมีเป้าหมายและระยะเวลาในการลงทุนที่แตกต่างกัน

เวลาที่คุณมีความเชื่อในเรื่องใดก็ตาม

  • เรื่องเล่าต่างๆนั้นเป็นพลังที่ทรงอำนาจมากที่สุดในเศรษฐกิจ พวกมันเป็นได้ทั้งเชื้อเพลิงที่สามารถทำให้ส่วนที่จับต้องได้ของเศรษฐกิจนั้นทำงาน หรือเป็นเบรกที่สามารถฉุดรั้งความสามารถของเราเอาไว้
  • ยิ่งคุณต้องการให้อะไรบางอย่างเป็นจริงมากเท่าไหร่ คุณก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อเรื่องเล่าที่ประเมินโอกาสของการเกิดสิ่งนั้นไว้สูงเกินไปมากขึ้นเท่านั้น เรื่องเล่าเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างมากกับวิธีคิดเรื่องเงินของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการลงทุนและเศรษฐกิจ
  • ไม่มีใครที่จะสามารถมองโลกได้อย่างสมบูรณ์แบบในทุกมุมมอง แต่เราจะสร้างเรื่องเล่าขึ้นมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างเหล่านั้น
  • มีหลายเรื่องที่เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้ เหมือนเป็นจุดบอดของเรา และมันสามารถส่งผลให้เราเข้าใจโลกผิดไปได้ และรวมไปถึงทำให้เราตัดสินใจการลงทุนผิดไปได้

เอาทั้งหมดมาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน

  • พยายามค้นหาความถ่อมตัวในเวลาที่สิ่งต่างๆ เป็นไปตามที่คุณคิด และค้นหาการให้อภัยและความเห็นอกเห็นใจในเวลาที่สิ่งต่างๆไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด
  • อัตตาน้อย ความมั่งคั่งเพิ่ม การออมเงินคือช่องว่างระหว่างอัตตาและรายได้ของคุณ และความมั่งคั่งนั้นเป็นสิ่งที่คุณมองไม่เห็น ดังนั้นความมั่งคั่งจึงถูกสร้างขึ้นมาจากการยับยั้งชั่งใจต่อสิ่งที่คุณสามารถซื้อได้ในวันนี้เพื่อที่จะได้มีของมากขึ้น หรือมั่งคั่งมากขึ้นกว่าเดิมในอนาคต
  • บริหารจัดการการเงินของคุณในแบบที่จะทำให้คุณนอนหลับสนิทได้ตลอดคืน
  • ถ้าหากคุณต้องการเป็นนักลงทุนที่ดีขึ้น สิ่งที่มีพลังที่สุดสิ่งเดียวที่คุณทำได้คือการเพิ่มระยะเวลาการลงทุนของคุณ
  • เป็นคนที่โอเคกับสิ่งต่างๆที่ไม่เป็นไปตามที่คิด คุณสามารถที่จะทำผิดได้ครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด แต่ยังคงสามารถสร้างความมั่งคั่งได้
  • ใช้เงินเพื่อควบคุมเวลาของคุณ ความสามารถที่จะทำสิ่งที่คุณต้องการ ในเวลาที่คุณต้องการ กับคนที่คุณต้องการ ในระยะเวลานานเท่าที่คุณต้องการ คือปันผลสูงสุดทางการเงิน
  • เป็นคนที่ดีขึ้นและหรูหราน้อยลง ไม่มีใครประทับใจในทรัพย์สมบัติของคุณมากกว่าตัวคุณ
  • ออมเงินเพื่อออมเงิน คุณไม่จำเป็นจะต้องหาเหตุผลเฉพาะให้กับการออมเงิน
  • หลีกเลี่ยงการตัดสินใจทางการเงินแบบสุดโต่ง ที่เป็นความเสี่ยงและเป็นภัยกับคุณ

จิตวิทยาทางการเงินของตัวผู้เขียนเอง

  • สิ่งเหล่านี้คือแนวทางที่ใช้ของผู้เขียน…
  • ผมเพียงแค่ต้องการตื่นขึ้นมาทุกวันและรู้ว่าครอบครัวและผมสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ตามแต่ที่ใจเราต้องการ ทุกการตัดสินใจทางการเงินของเราหมุนรอบเป้าหมายนั้น
  • อิสรภาพทางการเงินนั้นไม่ได้หมายถึงการที่คุณต้องหยุดทำงาน มันหมายความว่าคุณทำเพียงแค่งานที่คุณชอบ กับผู้คนที่คุณชอบ ในเวลาที่คุณชอบ นานตราบเท่าที่คุณต้องการ
  • ไม่ว่ารายได้อยู่ที่ระดับใด อิสรภาพนั้นขับเคลื่อนด้วยอัตราการออมเงินของคุณ เงินออมถูกเก็บสะสมใน “กองทุนเพื่ออิสรภาพ” ของเรา ตอนนี้เราใช้ชีวิตต่ำกว่าฐานะของพวกเราอย่างมาก
  • เรามีเสาหลักของ Life Style ที่ไม่ขยับไปไหนนับตั้งแต่อายุยังน้อย เราเพียงแค่มีเป้าหมายที่จะหยุดเคลื่อนที่ไปตามกระแส และหลีกเลี่ยงวิถีชีวิตซ้ำซากทางจิตวิทยาของการต้องมีไม่น้อยหน้าคนอื่น
  • ผมคิดว่าสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่แล้ว การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (dollar-cost averaging) ในกองทุนดัชนีต้นทุนต่ำนั้นมีโอกาสประสบความสำเร็จในระยะยาวสูงที่สุด
  • กลยุทธ์การลงทุนของผมนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกให้ถูกอุตสาหกรรม หรือจับจังหวะการเกิดการถดถอยครั้งถัดไป แต่มันขึ้นอยู่กับ…
  • 1) อัตราการออมเงินที่สูง 2) ความอดทน และ 3) การมองโลกในแง่ดีว่าเศรษฐกิจโลกจะสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นในหลายทศวรรษข้างหน้า
  • ผมใช้เวลาในการลงทุนแทบทั้งหมดเพื่อคิดถึง 3 สิ่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 สิ่งแรกที่ผมสามารถควบคุมได้
  • สุดท้าย ต่างคนต่างคิด และไม่มีใครเลยที่เป็นคนบ้า

การสรุปหนังสือเล่มนี้ทำขึ้นเพื่อเป็นการรวบรวมประเด็นสำคัญที่ผู้อ่าน(ผมเอง) ได้เรียนรู้ การที่จะได้ประโยชน์เต็มๆจากหนังสือเล่มนี้ ผมแนะนำให้ผู้สนใจอ่านหนังสือฉบับเต็มครับ ซื้อได้โดยตรงจากสำนักพิมพ์ Live Rich

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s