บางคนเลือกที่จะลงทุนกับของหรูหราฟู่ฟ่า รถหรูๆ นาฬิกาแพงๆ ของแบรนด์เนม
ในตอนที่แล้ว ผมได้อธิบายให้ฟังแล้วว่า สิ่งเหล่านี้นำความสุขมาให้เราได้แบบชั่วคราว เพราะนานวันเข้าเราก็ชิน แล้วก็กลับไปมีระดับความพึงพอใจในชีวิตเท่าเดิม
แล้วเราควรลงทุนกับอะไรกันล่ะที่จะทำให้เราสุขได้แบบยาวๆ?
เรามาต่อกันในตอนที่ 4 ของซีรียส์ #ความสุขอยู่หนใด ครับ ใครเพิ่งมาอ่านตอนนี้ ติดตามตอนที่ 1, 2 และ 3 ได้ที่ท้ายบทความครับ
◌◌◌◌◌◌◌◌
อ.ซานโตส เล่าในคอร์ส The Science of Well-Being ว่า การลงทุนกับ “ประสบการณ์” สร้างสุขได้มากกว่าวัตถุสิ่งของ
Bill Gates ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft เศรษฐีอันดับต้นๆของโลก มักจะสวมนาฬิกาข้อมือยี่ห้อ Casio ราคาราวๆ 2,200 บาท เท่านั้นเอง นั่นทำให้เราตีความได้ว่า มูลค่านาฬิกาที่เค้าสวมใส่นั้นคงไม่ได้สำคัญเท่ากับการที่เค้ารักษาความตรงต่อเวลากับผู้คนอย่างแน่นอน
อ.ซานโตส แนะนำว่า… อย่าเน้นลงทุนซื้อสิ่งของเพื่อสร้างความสุข แต่ให้ลงทุนกับสิ่งที่มันจะติดในจิตใจเราไปยาวนานกว่า เช่น การท่องเที่ยว(เพื่อสร้างประสบการณ์ยอดเยี่ยมให้เราจดจำ คิดถึงทีไรก็มีความสุข) หรือบางคนอาจจะเป็นผลงานศิลปะ (ที่เราสามารถเชยชมได้เรื่อยๆ) ทั้งหมดทั้งมวลนี้ หมายถึงให้ลงทุนกับสิ่งที่มันไม่สามารถมีระยะเวลายาวนานพอที่จะทำให้เราเบื่อและชินกับมันได้
Daniel Gilbert อาจารย์ที่มหาวิทยาลัย Harvard และเป็นนักวิจัยด้านจิตวิทยา ได้กล่าวไว้ว่า…
รถยนต์คันใหม่มันจะอยู่กับคุณไปยาวนานจนคุณผิดหวังที่ซื้อมันมาแพงๆ (ลองนึกถึงว่าใช้มันไปแล้ว 5 ปี แล้วรู้ราคาขายต่อดูสิ!) แต่ลองเทียบกับทริปท่องเที่ยวยุโรป แม้ว่ามันจะสร้างความสุขให้คุณมากๆและก็จบลงไป แต่ว่าคุณจะมีความทรงจำที่ยอดเยี่ยมอยู่ไปอีกยาวนานเท่านานเมื่อคิดถึงมัน
◌◌◌◌◌◌◌◌
มีการศึกษาโดย Van Boven & Gilovich ในปี 2003 ถามคำถามผู้คนว่า…
ให้คุณคิดถึงเงินที่คุณจ่ายเพื่อซื้อ “ประสบการณ์” ที่มีมูลค่ามากกว่า 3,000 บาท เปรียบเทียบกับ “สิ่งของ” ที่คุณซื้อ… เมื่อคุณคิดถึงมันทั้งคู่ คุณมีความสุขในระดับใดเปรียบเทียบกัน?
ผลปรากฎว่า ระดับความสุขเมื่อคนคิดถึงประสบการณ์อยู่ในระดับที่สูงกว่าเมื่อคิดถึงสิ่งของอย่างมีนัยสำคัญครับ
สาเหตุเพราะว่า จิตใจเราไม่ได้ทำการปรับตัวเพื่อให้เคยชินกับประสบการณ์ ได้ดีเท่ากับที่มันปรับตัวเพื่อให้เคยชินกับสิ่งของ
สรุปได้ว่า… ประสบการณ์ดีๆสามารถทำให้เรามีความสุขได้มากกว่าวัตถุสิ่งของ
◌◌◌◌◌◌◌◌
ประสบการณ์ดีๆยังมีข้อดีมากกว่าวัตถุสิ่งของในอีกเหตุผลด้วยครับ
เมื่อเราแบ่งปันเล่าให้คนอื่นๆฟังเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมของเรา มันสร้างความสนุกสนานได้มากกว่าการเล่าถึงวัตถุสิ่งของ
(นึกภาพว่า คุณเล่าถึงทริปการท่องเที่ยวล่าสุดให้เพื่อนฟัง vs. เล่าให้เพื่อนฟังถึงกระเป๋าแบรน์เนมที่คุณเพิ่งซื้อมา)
Van Boven Et Al. ทำการศึกษาในปี 2010 สอบถามความรู้สึกของผู้คนที่ได้คุยกับคนที่เป็นพวกวัตถุนิยม (Materialistic people) เทียบกับอีกกลุ่มที่เป็นพวกประสบการณ์นิยม (Experiential people) ค้นพบว่า…
ผู้คนรู้สึกกับคนที่เป็นพวกวัตถุนิยม ว่า…
- ทันสมัย 43%
- สนุกสนานกับการซื้อของ 33%
- มองตัวเองเป็นที่ตั้ง (เห็นแก่ตัว) 33%
- ไม่มั่นคงปลอดภัย 23%
- สนุกกับความหรูหรา 23%
ผู้คนรู้สึกกับคนที่เป็นพวกประสบการณ์นิยม ว่า…
- มีอารมณ์ขัน 33%
- เป็นมิตร 33%
- ใจกว้าง 30%
- เฉลียวฉลาด 30%
- เป็นห่วงเป็นใย 30%
จะเห็นได้ชัดเจนครับว่า ผู้คนรู้สึกดีกว่ามากเมื่อได้ฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์มากกว่าเรื่องเกี่ยวกับวัตถุครับ
และนี่ก็เป็นตัวย้ำอีกทีว่า…
การลงทุนกับประสบการณ์สามารถสร้างความสุขได้มากกว่าวัตถุสิ่งของ